น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ถ้าจะพูดถึง ‘น้ำตกเอราวัณ' หรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘น้ำตกสะด่องม่องลาย' แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักน้ำตกอันงดงามแห่งนี้แน่ๆ

     น้ำตกเอราวัณนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวติดต่อกัน มีทั้งหมดด้วยกันถึง 7 ชั้น เป็นระยะทางประมาณ 1,500 กิโลเมตร ซึ่งดูเหมือนว่าจะไกล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ตลอดทางที่เดินนั้นบอกได้เลยว่าเดินกันเพลิน (หรือเพลียกันไปเลยทีเดียว) เพราะ นอกจากจะมีแมกไม้นานาพรรณที่ทั้งอุดมสมบูรณ์และให้ความร่มรื่นแล้ว ละอองน้ำที่กระเด็นมาโดนใบหน้าหรือตัวขณะที่เดินผ่านสายน้ำในแต่ละชั้นนั้นยังช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี


น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

เคยมีหลายท่านสงสัยและถามบ่อยๆ ว่าทำไมน้ำตกแห่งนี้ถึงชื่อว่า ‘เอราวัณ' วันนี้เราจะไปหาคำตอบด้วยกันนะคะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าน้ำตกเอราวัณนี้มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น และแต่ละชั้นนั้นจะมีชื่อเรียกและความสวยงามแตกต่างกันไป แถมชื่อเรียกยังคล้องจองกัน ‘ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ' เรามาเริ่มทำความรู้จักกันตั้งแต่ชั้นแรก

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ในชั้นแรก ไหลคืนรัง เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเข้าสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ สายน้ำในชั้นแรกนี้ จะไหลลดหลั่นกันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งรับลมและพักผ่อน ในชั้นนี้นั้นยังมีที่นั่งให้ผู้ที่มาเที่ยวได้นำอาหารมานั่งรับประทานร่วมกัน รวมทั้งยังมีร้านขายอาหารและน้ำดื่มที่ทางอุทยานมีให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการด้วยค่ะ

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ไปต่อกันที่ชั้นที่ 2 วังมัจฉา แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามัจฉา แน่นอนว่าชั้นนี้จะต้องเป็นที่อยู่ของเจ้ามัจฉามากหน้าหลายตัวทีเดียว และเดินจากชั้นแรกมาแค่นิดเดียวเท่านั้น รับประกันได้เลยว่าชั้นนี้สวยและน่าเล่นกว่าชั้นแรก แต่ไม่รับประกันเรื่องคนเยอะนะคะ เมื่อเดินไปอีกหน่อยจะพบกับกองอำนวยการ สำหรับท่านใดที่ต้องการจะเดินขึ้นไปชั้นสูงกว่านี้จะต้องมีการลงทะเบียนขวดน้ำและจ่ายเงินมัดจำเสียก่อนถึงจะนำขวดน้ำดื่มติดตัวไปได้ ระหว่างทางที่จะเดินต่อไปที่ชั้นที่ 3 จะต้องเดินตัดข้ามลำธารกันซะก่อน แต่บอกเลยว่าการเดินตัดข้ามลำธารนี้ไม่มีเปียก เพราะ ทางอุทยานได้ทำสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินกันอย่างสะดวก ลำธารตรงนี้มีความสวยงามไม่ต่างจากชั้นที่ผ่านมาเลยทีเดียว และในชั้นนี้เองค่ะที่เป็นฉากถ่ายทำละครคุณชายรณพีร์และคุณชายรัชชานนท์

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ระยะทางห่างจากชั้นที่ 2 เพียงแค่ 200 เมตรเท่านั้น นับว่าเดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะ ชั้นนี้เป็นชั้นที่สวยสมชื่อ ไม่ซ้ำชั้นอื่นและมีเอกลักษณ์มาก เพราะ สายน้ำจะไหลจากหน้าผาไหลลงมายังแอ่งน้ำสีมรกตที่รองรับอยู่เบื้องล่างแค่จังหวะเดียว ในลักษณะตรงดิ่ง ใต้ผ้าจะมีก้อนหินเปรียบเสมือนเก้าอี้ตัวใหญ่ให้คนได้นั่งหรือนอนรับน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผา คล้ายกับการทำสปาหรือนอนแช่ในอ่างน้ำจากุซซี่ที่สามารถเปิดน้ำนวดตัวกันได้เลยทีเดียว

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ต่อกันที่ชั้นที่ 4 ที่มีชื่อว่าอกนางผีเสื้อ เนื่องจากลักษณะของหินนั้นเสมือนกับหน้าอกซึ่งถ้าหากจะมองจริงๆแล้วไม่เหมือนกับอกของนางผีเสื้อเท่าไหร่ แต่คล้ายกับหน้าอกของหญิงสาวมากกว่าและต้องบอกว่าเป็นหน้าอกที่ไม่เล็กเลยจริงๆ ตรงนี้เองค่ะที่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นสไลด์บนอกของนางผีเสื้อกันค่ะ น้ำในชั้นนี้มีความใสจนสามารถมองเห็นพื้นดินใต้น้ำรวมทั้งฝูงปลาได้เลยทีเดียว

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ชั้นที่ 5 นับว่าผู้ที่สามารถเดินมาได้ถึงชั้นนี้แล้วล่ะก็ จะต้องเป็นผู้ที่มีความพยายามอย่างมากทีเดียวค่ะ เพราะ ระยะทางที่กว่าจะมาถึงชั้นนี้ได้นั้น ไกลถึง 600 เมตร และต้องเดินขึ้นเขา เดินไปพักหายใจไปบอกได้เลยว่าเล่นเอาหอบทีเดียว แต่รับประกันได้อีกเช่นกันค่ะ ว่าถ้าหากท่านใดที่เดินมาถึงชั้นนี้จะไม่มีผิดหวังแน่นอน แถมยังจะประทับใจกับความสวยงามของสายน้ำที่ไหลผ่านก้อนหินใหญ่น้อยลดหลั่นกันไปจนถึงแอ่งน้ำสีมรกตที่รองรับอยู่ ต้นไม้นานาชนิดสีเขียวสดปกคลุมคล้ายหลังคา ทำให้ยามมองนั้นรู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้รับพลังจากธรรมชาติ นอกจากนั้นยังทำให้ร่มรื่นน่านั่งพักผ่อนอีกด้วย และถ้าหากมาเที่ยวยามที่น้ำมากแล้วล่ะก็ น้ำตกชั้นนี้จะต้องเป็นน้ำตกที่สวยงามน่ามองจนเบื่อไม่ลงสมชื่อจริงๆค่ะ

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา แม้ในชั้นนี้น้ำจะไม่มากแต่ก็มีความพิเศษตรงที่สายน้ำนั้น ยามที่ม่านน้ำไหลตกลงมานั้นแหวกเป็นม่านน้ำตกลงมาจากดงพฤกษา และภาพนี้เองค่ะที่ทำให้ใครหลายคนที่เดินมาเหนื่อยรู้สึกสดชื่นและเย็นฉ่ำขึ้นมาอีกเท่าตัว แต่ต้องบอกเลยว่าน้ำตกชั้นนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมลงเล่นกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะ สายน้ำที่ไหลลงมานั้นน้ำไม่ค่อยแรงและน้ำน้อยกว่าชั้นอื่นๆ ทำให้หลายๆคนมักจะมองข้ามไปนั่นเองค่ะ

น้ำตกเอราวัณ มรกตเม็ดงามแห่งอุทยานแห่งชาติเอราวัณ

และในที่สุดการเดินทางของเรามาถึงชั้นสุดท้ายกันแล้วค่ะ ในชั้นนี้ตามป้ายบอกทางนั้น บอกว่าเดินไปอีกไม่ไกลเราก็จะถึงจุดหมายปลายทางเพียงแค่อีก 100 เมตร จากชั้นที่ 6 แต่ในความรู้สึกเหมือนเดินสัก 500 เมตรเลยทีเดียวค่ะ เพราะ ทางค่อนข้างลำบากเอาการ ไหนจะต้องปีนบันไดที่ทั้งสูงทั้งชันแต่ละขั้นก็ห่างกันเกินกว่าที่คนขาสั้นๆอย่างเราจะสามารถ และไม่ใช่เจอบันไดแบบนี้แค่ที่เดียว แต่เจอหลายรอบจนหมดแรง ไหนจะต้องกระโดดข้ามแอ่งน้ำถึง 2 ครั้ง ที่ทำเอาหวาดเสียวว่าจะกระโดดพลาดแล้วตกน้ำเปียกหรือเปล่า แต่ก็ไม่เปียกอย่างที่คิดค่ะแค่เกือบๆไปเท่านั้น และในชั้น 7 ที่เป็นจุดหมายของเราวันนี้ก็คือที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณค่ะ เนื่องจากหน้าผาน้ำตกของชั้นนี้ ถ้าจะมองเพียงเผินๆแล้วอาจจะมองไม่ออก แต่ถ้าสังเกตดีๆจะแลเห็นเหมือน เศียรของช้างเอราวัณทั้ง 3 เศียร สัตว์พาหนะของพระอินทร์ เป็นช้างเผือก มีด้วยกัน 33 เศียร แต่ละเศียรมีงา 7 งา ในเรื่องรามายณะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ในฤดูฝนที่มีน้ำมาก น้ำตกชั้นนี้จะเป็นชั้นที่สวยที่สุดและนักท่องเที่ยวต่างชาติมักนิยมมาเที่ยวกันในช่วงนั้นด้วยค่ะ

ไม่ว่าท่านใดที่เดินทางมายังน้ำตกเอราวัณแห่งนี้แล้ว เชื่อได้แน่นอนค่ะว่าจะต้องประทับใจกับความสวยงามและความสมบูรณ์ของธรรมชาติ แม้ว่าในฤดูกาลที่น้ำน้อย อย่างในเดือนเมษายน ที่จัดว่าร้อนและแล้งที่สุด น้ำตกเอราวัณสายนี้ก็ยังคงมีสายน้ำที่ไหลตลอดเวลา ซึ่งนับว่าเป็นน้ำตกที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีมาในหน้าฝนต้นหนาวหน่อยๆจะดีที่สุดค่ะ เพราะ น้ำมากน่าเล่นและปลาสวยน้ำใสค่ะ แม้ว่าในการเดินขึ้นชั้นสูงๆจะลำบากและเละเพราะดินลื่นไปซักหน่อย แต่ว่าคุ้มค่าแน่นอน สำหรับท่านใดที่ต้องการค้างคืนนั้นทางอุทยานก็มีที่พักให้บริการ หรือหากท่านใดต้องการกางเต้นท์ก็มีที่สำหรับกางเต้นท์ให้บริการด้วยค่ะ นอกจากนั้นการเดินทางก็ยังสะดวกสบายมีลานจอดรถกว้างขวางไว้คอยรองรับนักท่องเที่ยว ไม่ต้องกลัวว่าหากมาในวันหยุดจะไม่มีที่จอดรถเลยค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดจะลืมไม่ได้ ก็คือการช่วยกันรักษาความสะอาดค่ะ แม้ว่าทางอุทยานจะมีมาตรการให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่ามัดจำขวดน้ำหากต้องการนำขวดน้ำติดตัวไปด้วย

แต่ถ้าตัวนักท่องเที่ยวเองยังขาดจิตสำนึกไม่ช่วยกันรักษาความสะอาดแล้วล่ะก็ ในอนาคตเราอาจไม่มีน้ำตกสวยๆแบบนี้ให้ได้ไปเที่ยวอีกแล้ว



ขอบคุณที่มาจาก :: ท่องทั่วไทย.com

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์