มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

บางคนก็รู้จักญี่ปุ่นดีเหมือนบ้านเกิด และประเทศอย่างเกาหลีที่กระแส K-POP มาแรงแซงทางโค้ง จนไม่มีสาวๆคนไหนในไทยไม่รู้จัก ดังนั้นวันนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อย เพราะวันนี้เราจะพาไปรู้จักอีกประเทศหนึ่ง ที่คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า! แต่น่าเสียดายว่าหลายๆคนคงไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อ "วานูอาตู" ประเทศหมู่เกาะที่ประกอบด้วยหมู่เกาะเล็กๆถึง 83 เกาะ ลัดเลาะไปตามแนวภูเขาไฟ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของ วงแหวนแห่งไฟ (ring of fire)
ประเทศนี้มีประชากรอาศัยอยู่น้อยมาก เพียงแค่สองแสนกว่าคนเท่านั้น โดยคนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบ้านท่ามกลางป่าดงดิบ แต่ภาษาที่ใช้นั้นมีมากมายกว่า 100 ภาษาเลยหละ วันนี้เรามาจะพาไปดูว่าทำไมประเทศที่เหมือนไม่มีอะไรแห่งนี้ถึงได้น่ามาเที่ยวนัก ไปดูกันเลย


1.ศิลปะและมนต์ดำ 
พาไปเกาะ Ambrym 1 ใน 83 เกาะของวานูอาตู มีสิ่งหนึ่งที่คนรักศิลปะความสวยงามพลาดไม่ได้ นั่นคือ Sand drawing หรือการวาดภาพลงบนทรายนั่นเอง ซึ่งทรายที่เห็นนั้นเกิดขึ้นจากส่วนประกอบของทราย, โคลน และเถ้าถ่านลาวาผสมกัน ภาพเขียนส่วนใหญ่จะเขียนบอกเรื่องราวทั่วๆไป หรืออาจจะเป็นการบอกข้อความบางอย่างถึงคนอื่นๆก็มี ซึ่งความสวยงามและความมีเอกลักษณ์นี้ ทำให้สมาคมยูเนสโก้ถึงกับยกให้ ศิลปะวาดทรายนั้น เป็นผลงานศิลปะชั้นยอดของโลกเลยทีเดียว และว่ากันว่าช่างวาดทรายที่เก่งๆ จะสามารถวาดรูปเสร็จได้ทั้งรูปโดยการวางมือแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวลึกลับ ก็พลาดไม่ได้กับ เวทย์มนต์ดำ เนื่องจากคนที่นี่อาศัยอยู่กันแบบชนเผ่าเพราะฉะนั้นก็ต้องมีพิธีกรรมสืบทอดต่อกันมาเป็นธรรมดา ซึ่งมีพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ที่เรียกว่า รอม(Rom) เป็นการให้คนมาสวมหน้ากาก และเต้นระบำเพื่อบูชารูปปั้นแกะสลักโบราณที่หน้าตาแปลกประหลาด

มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

2. ดำน้ำดูปะการัง
นอกจากมีหมู่เกาะมากมายถึง 83 เกาะ วิวใต้ทะเลของแต่ละหมู่เกาะนั้น ก็มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละเกาะอีกด้วย ดังนั้นก็เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่จะมาดำน้ำดูแนวปะการังที่สมบูรณ์และงดงาม แถมยังมีปลาสวยงามเยอะแยะมากมายอีกด้วย และในบริเวณยังมีซากเรือ SS President Coolidge เรือสมัยสงครามสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ยังคงมีสมบัติล้ำค่าหลับไหลอยู้ในเรือ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถกู้ซากเรือขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรได้เลย

มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

3. กำเนิด กีฬาสุดท้าทาย บันจี้จัมพ์ (Bungee Jump)
กีฬาเอกซ์ตรีมสุดหวาดเสียว ที่วัยรุ่นสมัยใหม่หันมาสนใจเล่นกันเยอะมากๆ ซึ่งวานูอาตูนี่แหละที่เป็นประเทศต้นตำหรับผู้ให้กำเนิดกีฬาชนิดนี้ ที่ประเทศนี้การกระโดดบันจี้จัมพ์ถือเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมา โดยจะมีการกระโดดบันจี้จัมพ์ในเทศกาลแยม หรือ Yam harvest เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านที่นี่จะนำไม้มาสร้างเป็นโครงสูงประมาณ 30 เมตร จากนั้นก็ให้ชาวบ้านที่ยังหนุ่มแน่นกระโดดลงมาจากยอด โดยที่มีเพียงเถาวัลย์สองเส้นคล้องขาไว้เท่านั้น ชาววานูอาตูเชื่อว่าการกระโดดนี้สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่ออีกว่า ยิ่งกระโดดสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งนำความอุดมสมบูรณ์มายังแผ่นดินของพวกเขาได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งพิธีกรรมนี้ได้ถูกสืบทอดกันมานานเป็นเวลากว่าหลายร้อยปีแล้ว

มารู้จัก วานูอาตู ประเทศน่าไป ที่คนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า!

ประเทศที่ยังอนุรักษ์ความเป็นชนเผ่าพื้นเมืองและความเป็นธรรมชาติขนาดนี้ ถ้าได้มีโอกาสก็ลองมาเที่ยวกันดูนะครับ และสำหรับใครที่อยากจองตั๋วเครื่องบิน เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายการบินราคาถูกอย่าง แอร์เอเชีย (AirAsia) หรือสายการบินชั้นหรูอย่าง การบินไทย (Thai airways) ก็สามารถที่จะจองตั๋วออนไลน์ได้หมดแล้ว หรือแม้แต่โหลดแอปจองตั๋วมาบนมือถือก็ยังได้เลยมีทั้ง Android และ IOS เลยหละ สะดวกมากมายเลย

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์