ต้องไปชิม! 4 ร้านไทย ติดโผ Asias 50 Best Restaurants

เป็นที่สนใจมาถึง 4 ปีเต็มแล้ว สำหรับการจัดลำดับ Asia"s 50 Best Restaurants หรือ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย สำหรับในปีนี้ เป็นปีแรกที่ประเทศไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน โดยซาน เปลเลกริโน (S.Pellegrino) และอัคควา ปันน่า (Acqua Panna) ผู้สนับสนุนหลักในงานประกาศรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2016 ได้เห็นถึงเสน่ห์อันน่าหลงใหลของอาหารไทย จึงได้ชักชวนเหล่าคนสำคัญในแวดวงอาหารเอเชียมาพบปะกันในงานประกาศรางวัล Asia"s 50 Best Restaurants ณ กรุงเทพมหานคร

และที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น ปีนี้ร้านอาหารจากประเทศไทยได้เป็นหนึ่งในลิสต์ร้านอาหารยอดเยี่ยมของเอเชีย ถึง 4 ร้านด้วยกัน ขาชิมทั้งหลายที่ต้องการพบประสบการณ์อาหารที่ถูกยกชื่อชั้นว่าเป็น The Best รีบไปตามลายแทงนี้ได้เลย

ไล่ขึ้นไปจากลำดับที่ 23 ซึ่งขยับขึ้นมาจากลำดับที่ 25 ในปี 2015 เป็นร้านอาหารที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศของ Art Gallery ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงต้นไม้แห่งซอยคอนแวนต์

อันมีชื่อว่า "EAT ME" ซึ่งได้เชฟมากประสบการณ์อย่าง "ทิม บัทเลอร์" มาเป็นเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟให้กับทางร้าน โดยเขาได้นำเสนออาหารสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัยภายใต้แนวคิด "Great Food gives you Good Life" อาหารจากร้าน "EAT ME" จึงมักเป็นการพบปะกันของวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก และแน่นอนว่ายังต้องมีเครื่องปรุงไทย ๆ เข้าไปเป็นส่วนผสม "EAT ME" ไม่ได้ชวนชิมเพียงเฉพาะจานคาว แต่จานหวานของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้ใคร เพราะ "ทิม บัทเลอร์"คือตัวจริงในเรื่องช็อกโกแลต ฉะนั้นความเข้มข้นของเมนู "Flourless Dark Chocolate Cake" จะเป็นความสเปเชียลให้กับเหล่า Chocoholic

ถัดมาเป็นการกระโดดไกลของ "Issaya Siamese Club" จากลำดับที่ 39 ในปีที่แล้ว สู่ลำดับที่ 19 ในปีนี้ คงไม่ต้องเท้าความกันให้มาก เพราะแค่บอกว่า นี่คือร้านของ "เชฟเอียน-พงศ์ธวัช เฉลิมกิติชัย" เชฟไทยที่ฝีมือดังไกลระดับโลก ก็เรียกความสนใจไปได้มาก

"อาหารไทยประยุกต์รสดีที่ชูวัตถุดิบออร์แกนิกและตื่นตาด้วยพรีเซนเตชั่นอันสวยงาม"

เหมาะจะเป็นคำจำกัดความของเมนูจาก "Issaya Siamese Club" เพราะแม้แต่เมนูคุ้นเคยอย่างไก่ย่าง ก็ยังพิเศษด้วยการเสิร์ฟมาพร้อมกับเปลวไฟ สร้างความหอมกรุ่นจนน้ำลายหก อีกจานเด่นคือมัสมั่นแกะ ซึ่งใช้ขาแกะที่ส่งตรงมาจากออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีเมนูไฮไลต์ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล

"Issaya Siamese Club" ยังให้ความประทับใจด้วยบรรยากาศของเรือนไทยใจกลางเมืองที่ตั้งอยู่ในซอย ศรีอักษร ถนนเชื้อเพลิง มีความร่มรื่นจากเงาไม้น้อยใหญ่ พร้อมแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสวนสมุนไพรออร์แกนิกซึ่งได้มาจากความตั้งใจ ของเชฟเอียน เชฟกระทะเหล็กของเมืองไทย โดยในตัวอาคารทางร้านก็ยังเลือกใช้สีสันคัลเลอร์ฟูลเข้ามาช่วยสร้างความโดด เด่นได้อย่างลงตัว

ทะลุมาถึง Top Ten ในลำดับ 8 ซึ่งเป็นร้านที่ไม่ว่าจะโผใดผังใด หากตกชื่อร้าน "Nahm" แห่งโรงแรมเมโทรโพลิแทน บาย โคโมไป คงถือว่าพลาดมาก เพราะ "Nahm" ไม่เพียงได้รับการยอมรับในระดับเอเชีย แต่ยังเคยถูกโหวตให้อยู่ในลำดับ 13 ของ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกอีกด้วย

อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม จุดประกายให้ "เดวิด ทอมป์สัน" เชฟเชื้อสายออสเตรเลีย นักเขียน และรายการโทรทัศน์ ผู้ที่มีความสามารถในการคว้ารางวัลมิชลินสตาร์คนแรก ก่อตั้งร้าน "Nahm" ขึ้น โดยนำเสนออาหารไทยรสชาติจัดจ้าน พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ทั้งเรื่องการใช้วัตถุดิบและการปรุง รังสรรค์เป็นเมนูที่หลากหลาย ได้แก่ ยำปลาอินทรีใส่ส้มโอ แกงกะหรี่ไก่ แกงกะทิปูม้า น้ำพริกมะขามเปียก ไปจนถึงขนมหวาน อาทิ ลอยแก้วมะกรูด ขนมใส่ไส้ ขนมเบื้องหวานลูกพลับเชื่อม ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟด้วยความใส่ใจในชามลายเบญจรงค์ไทย จาก "เตาเผาเม็งราย" ผู้ผลิตท้องถิ่นของเมืองไทย

ปิดท้ายด้วยแชมป์ Asia"s 50 Best Restaurants ที่ไม่ใช่แค่อันดับหนึ่งของปีนี้ แต่คือผู้ชนะใจนักชิมทั้งหลายถึง 2 ปีซ้อนอย่าง "Gaggan" ร้านอาหารอินเดียแห่งซอยหลังสวน ที่เจ้าของร้านพ่วงตำแหน่งเชฟอย่าง "กากั้น อนันต์" พยายามปลุกชีพอาหารอินเดียให้กลับมาเป็นที่นิยม แน่นอนว่า...เขาทำสำเร็จ !

เชฟกากั้น สั่งสมประสบการณ์และเทคนิคการทำอาหารสไตล์โมเดิร์น เพื่อที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของรสชาติอาหาร และใช้เทคนิคที่ร่ำเรียนมาดึงเอารสชาติที่เยี่ยมที่สุดของส่วนผสมในอาหาร อินเดียออกมา เขาจึงเป็นผู้ที่โดดเด่นด้วยการตีความอาหารอินเดียดั้งเดิมในรูปแบบใหม่ที่ ได้สร้างความตื่นเต้นและประทับใจแก่นักชิมจากทั่วโลก

เชฟกากั้นเปิด ร้านอาหาร "กากั้น" ที่กรุงเทพฯเป็นครั้งแรกในปี 2010 พร้อมมีวิสัยทัศน์ที่จะพลิกฟื้นอาหารอินเดียให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ด้วยบรรยากาศร้านสไตล์โคโลเนียลกับการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารสุดล้ำ เช่น การใช้ไนโตรเจนเหลวมาใช้ในการปรุงเมนูอาหารอินเดียแบบดั้งเดิม จนกลายเป็นอาหารอินเดียแนวใหม่ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากไอเดียของเชฟอารมณ์ดีผู้นี้ เมนูจาก "กากั้น" สามารถเลือกได้ทั้งเป็น A la carte หรือเป็นTasting Menu ซึ่งถ้าถามหาไฮไลต์อาจไม่ได้รับคำตอบ เพราะอย่าลืมว่า...นี่คืออาหารสไตล์กากั้น Only at ที่นี่เท่านั้น

ที่มา http://prachachat.net/news_detail.php?newsid=1460647840