7 แหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี
นับเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษของพสกนิกรไทยนับล้านดวงใจ ที่จะได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชจักรีวงศ์ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ใกล้วันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับพสกนิกรที่จะได้ใกล้ชิดและชื่นชมพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านแหล่งเรียนรู้ 7 แห่ง ที่มีเรื่องราวสุดประทับใจ ที่คนรุ่นใหม่ต้องออกไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองสักครั้งในชีวิต และความพิเศษจะทวีคูณโดยเฉพาะผู้ที่ถือบัตรมิวพาส เพราะสามารถแสดงบัตรเพื่อเข้าชมแหล่งเรียนรู้เหล่านี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
*พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ
ไปเริ่มต้นกันที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ซึ่งรวบรวมอากาศยาน อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารที่เคยใช้ในกองทัพอากาศ ตลอดจนบริภัณฑ์ประจำตัวนักบิน เครื่องแบบ และพัสดุสำคัญมาจัดแสดง และยังมีห้องสมุดที่มีจดหมายเหตุ และเอกสารทางประวัติศาสตร์ไว้ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาค้นคว้า และในปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และทรงมีความสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับการบิน ทรงพระราชทานเครื่องบินแบบ "สปิตไฟร์" ของกองทัพอากาศไทย ซึ่งปลดจำการไปแล้ว และนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติแก่พิพิธภัณฑ์เครื่องบินเมืองแคลร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ในการเผยแพร่เกียรติคุณ และชื่อเสียงด้านอากาศยานของชาติไทยในต่างแดนอีกด้วย ซึ่งเปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันอาทิตย์
* หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
จากพระราชกรณียกิจและความสนพระราชหฤทัยด้านศิลปกรรมและงานฝีมือของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงเป็นที่มาของการสร้างหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่เกิดจากพระราชดำริของพระองค์ เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนไทยที่จัดแสดงนิทรรศการของศิลปินไทย โดยเฉพาะศิลปินรุ่นใหม่ที่มีผลงานดีเด่นแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ตลอดจนศิลปินอาวุโสที่ได้รับการยกย่อง การจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนตลอดปี ซึ่งเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเติมเต็มความรู้ด้านงานศิลปะ โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ขึ้นรถไฟฟ้าไปพระราชวังพญาไท แหล่งเรียนรู้ร่วมสมัยจากอดีตสู่ปัจจุบัน
* พระราชวังพญาไท
ในอดีตเคยเป็นที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มจากการเป็นโรงนาหลวงอันเป็นที่ทดลองทำนาทำสวน และในเวลาต่อมาได้รับการบูรณะเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งรับการพระราชทานให้เป็นที่ทำการของกองทัพบกด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าในปัจจุบัน และยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนสูง 2 ชั้น ที่ผสมผสานการออกแบบระหว่างโรมาเนสก์กับโกธิคเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยพระราชวังพญาไทเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมในวันอังคาร-วันอาทิตย์ ซึ่งเดินจาก BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพียง 5 นาทีเท่านั้น
* พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร สามเสนใน
นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งของประเทศไทย ที่ถูกเล่าเรื่องราวผ่านดวงตราไปรษณียากร ซึ่งสะท้อนความรุ่งเรื่องด้านการสื่อสารของไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เริ่มต้นจากกิจการไปรษณีย์ ภายในพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร สามเสนใน ได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทย ตั้งแต่การก่อกำเนิดแสตมป์ดวงแรกของโลกที่ประเทศอังกฤษ และการนำแสตมป์เข้ามาใช้ในประเทศไทย แสตมป์ดวงแรกของไทยชุด "โสฬส" สมัยรัชกาลที่ 5 และรุ่งเรืองเรื่อยมาจนกระทั่งมีการสร้างอาคารไปรษณีย์กลางบางรัก รวมถึงตู้ไปรษณีย์เก่าแก่อายุ 136 ปี ศิลปะสมัยวิคตอเรียน ซึ่งปัจจุบันมีดวงตราไปรษณียากรจัดแสดงกว่า 1,000 ชุด และยังมีแสตมป์จากทั่วโลกกว่า 200 ประเทศให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติม โดยเปิดให้เข้าชมในวันพุธ-วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
* อุทยาน ร.2
แหล่งเรียนรู้บรรยากาศดีริมแม่น้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ที่อยากเชิญชวนให้คนไทยไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง คือ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือที่เรียกกันว่า อุทยาน ร.2 ซึ่งเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ได้พระราชทานศิลปะอันงดงามไว้เป็นมรดกของชาติ ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ขนมไทยจำลอง โรงละครกลางแจ้งสำหรับใช้จัดการแสดงโขน ละคร ดนตรี ตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย การจัดแสดงศิลปวัตถุในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต และยังมีสื่อมัลติมีเดียเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ รวมถึงพระอัจฉริยะภาพในทางวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีไทย นาฏศิลป์ จิตรกรรม สถาปัตยกรรม เป็นต้น โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมทุกวัน
* อุทยานหลวงราชพฤกษ์
พื้นที่การจัดแสดงพรรณไม้นานาชนิดทั่วทุกมุมโลกบนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ภายในยังมีสถาปัตยกรรมแบบล้านนา อันวิจิตรตระการตาและสง่างามที่สุด สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ แด่พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ที่ทรงอัจฉริยภาพและทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก ภายใต้แนวคิด "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย" นอกจากนี้ ยังมีส่วนจัดแสดงโครงการพระราชดำริเต็มรูปแบบ 3 มิติทั้ง แสง สี และเสียงสุดอลังการ อาทิ "จากจิตรลดาสู่พสกนิกร" พระอัจฉริยภาพในส่วนของโครงการส่วนพระองค์ ป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลอง ปลานิล ปลาหมอเทศ โรงโคนม ไบโอดีเซล สาหร่ายเกลียวทอง ผลิตภัณฑ์จากหนังปลานิล "น้ำพระทัยอาทรชาวสยาม" การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โครงการฝายชะลอความชุ่มชื้น และพระราชดำริให้จัดทำฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะแห้งแล้ง ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรได้เป็นอย่างมาก
นอกจากการชื่นชมพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ที่ผู้ถือบัตรมิวพาสจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดมากที่สุดแล้ว แหล่งเรียนรู้ทั้ง 7 แห่ง ยังถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สามารถส่งต่อองค์ความรู้ ภูมิปัญญา ไปพร้อมกับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ที่สร้างเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งผู้ที่สนใจแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรมิวพาส สามารถติดต่อได้ที่ โทร.02-225-2777 ต่อ 529 หรือที่ เฟซบุ๊ค Muse Pass (https://www.facebook.com/musepass)
เครดิตแหล่งข้อมูล : siamrath