10 นักเที่ยวแห่งโลกโซเชี่ยล แชร์ 10 วัดสวยๆ ในต่างแดน ที่ต้องไปเยือน
หน้าแรกTeeNee กินเที่ยวอย่างมีสไตล์ เที่ยวรอบโลก 10 นักเที่ยวแห่งโลกโซเชี่ยล แชร์ 10 วัดสวยๆ ในต่างแดน ที่ต้องไปเยือน
เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า และว่ากันว่าสร้างมานานแล้วกว่า 2,000 ปี ด้วยความศรัทธาของกษัตริย์พม่าและประชาชนที่ร่วมกันบริจาคของมีค่า ทองคำ เพื่อนำมาสร้างเจดีย์ซึ่งสูงถึง 48 เมตร ฐานกว้าง 105 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพม่า นักท่องเที่ยวและชาวบ้านต่างพากันมาสักการบูชา
จุดเด่นของที่นี่คือ เจดีย์มีขนาดใหญ่มาก ตั้งอยู่บนเนิน เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นว่าใหญ่มาก โอ่อ่าและงดงาม เมื่อเข้าไปถึงด้านในจะเห็นตัวเจดีย์สีทองอร่าม จากการโอบอุ้มของทองคำที่มากถึง 1,100 กิโลกรัม มีเครื่องประดับมีค่ากว่า 5,000 ชิ้น ที่ชาวบ้านเอามาบริจาคด้วยความศรัทธา ทำให้บริเวณรอบเจดีย์ดูสวยงามตระการตามาก ทางขึ้นมี 4 ทิศ แต่ละทิศจะมีวิหารโถงที่สร้างด้วยไม้ ทรงคล้ายๆ ปราสาท ตรงจุดนั้นสวยงามมาก ภาพบรรยากาศจริงอลังการแบบสุดๆ และสีทองก็เป็นทองแบบอร่ามล้ำ ยิ่งในช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แสงส้มๆ ของพระอาทิตย์ตกกระทบเจดีย์ มันยิ่งสวยงามเกินบรรยาย
จากที่ได้ไปสัมผัสที่แห่งนี้ ความอลังการนั้นเกิดจากที่คาดหวังไว้มากพอดู และความศรัทธาของชาวพม่ามีต่อสถานที่แห่งนี้ที่ได้สัมผัสถึง ก็ไม่ธรรมดาเลย ผู้คนต่างช่วยดูแลเก็บกวาดทั่วบริเวณด้วยศรัทธา เป็นที่น่าประทับใจ และเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ตามคำบอกเล่าของที่แห่งนี้ ที่อธิษฐานขอพรและสมหวัง ผมเองก็ได้มีประสบการณ์ถึงแต่ก็เป็นเรื่องความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ
วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
วัดนี้เป็นสถานที่เก็บพระไตรปิฎกฉบับสังคยนาครั้งที่ 5 โดยมีการจารึกเป็นภาษาพม่าไว้บนแผ่นหินประมาณ 729 แผ่น ในแต่ละมณฑปก็เป็นหนึ่งแผ่น ทำให้บริเวณวัดแห่งนี้มีเจดีย์มากถึง 729 เจดีย์ เป็นที่ศรัทธาของชาวพม่าและชาวพุทธจากทั่วโลก
จุดเด่นด้านความสวยงามอยู่ที่เจดีย์หลักสีทอง ซึ่งสร้างจำลองจากเจดีย์ชเวชิกองที่พุกาม เพราะของจริงนั้นได้พังเสียหายไปหมดแล้ว ความงามของเจดีย์สีทองเมื่อตกกระทบกับแสงอาทิตย์ยามเย็นสวยงามจับใจอย่างมาก อีกเอกลักษณ์น่าจดจำ คือ ต้นพิกุลขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมไปทั่วทั้งลานวัด
หากได้ไปเยือนจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวพม่า ทุกคนต่างพร้อมใจถอดรองเท้าแม้พื้นที่เหยียบย่างอยู่จะร้อนมาก และมีการกั้นบริเวณสำหรับผู้หญิง โดยไม่สามารถเข้าไปถึงบริเวณด้านใน ทำให้รู้สึกเลยว่า ความศรัทธาเคร่งครัดนี้จะทำให้ผู้คนไม่ค่อยผิดศีลผิดธรรม
วัดพระธาตุหลวง (Pha That Luang) เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว
วัดพระธาตุหลวงเป็นวัดที่มีทั้งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธาความของผู้คนในประเทศลาวซึ่งมากราบไหว้บูชาอย่างสม่ำเสมอ ตัวที่ชี้วัดความสำคัญของวัดแห่งนี้ได้ดี คือ ตราประจำแผ่นดินและธนบัตรได้มีการประทับสัญลักษณ์ของพระธาตุหลวงเอาไว้
และเมื่อเดินเข้าไปยังบริเวณภายใน จะได้พบกับพระธาตุสีเหลืองทองอร่าม ที่มีฐานกว้างใหญ่ มีความสูงเกือบ 40 เมตร มีลักษณะเป็นดอกบัวตูม ซึ่งสื่อได้ถึงความบริสุทธิ์ คำสอนของพระพุทธศาสนา และความอลังการความยิ่งใหญ่ของสถานที่ บริเวณรอบๆ ของพระธาตุปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียว ในวันฟ้าสวยใส ตัวพระธาตุสีเหลืองทองต้องกระทบแดด ตัดเป็นสีทอง สีเขียว สีฟ้า และดูงามตาอย่างมาก
สำหรับคนที่สนใจสถานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แนะนำว่าควรหาโอกาสไปสักการบูชาสักครั้งครับ แล้วจะได้พบกับความประทับใจอย่างไม่คาดคิดกับความศักดิ์สิทธิ์และความสวยงามของวัดแห่งนี้
วัดทักซัง (Tiger's Nest in Bhutan) กรุงพาโร ประเทศภูฏาน
ก่อนพื้นที่บริเวณวัดทักซังจะถูกสร้างเป็นวัด มีคุรุรินโปเซ ซึ่งสามารถจำแลงกายเป็นเสือได้มาอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ เมื่อจะเทศนาสั่งสอนผู้คน ท่านจะกลายร่างเป็นมนุษย์ และเมื่อคำสอนได้ผล ผู้คนต่างพากันเสื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงทำให้สถานที่นี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสร้างวิหารขึ้นเพื่อแสดงถึงความนิยมด้านพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา จนกระทั่งปี ค.ศ. 1962 ได้มีการสร้างวัดทักซังหรือวัดรังเสือขึ้น และได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1998 จากเหตุเพลิงไหม้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้สมบัติล้ำค่าทางพระพุทธศาสนาและทางประวัติศาสตร์ได้มอดไหม้ไปด้วย
วัดทักซังมีธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ อากาศหนาวเย็นจัด แต่เต็มไปด้วยความสงบและมีมนต์ขลัง ตลอดทางเดินขึ้นวัดมีความสวยงามของดอกไม้ที่ต้องแวะถ่ายรูปตลอด มีธงที่ใช้ธนูยิงข้ามไปอีกฝั่งของภูเขา ที่นี่เป็นความสุขของคนที่ชอบถ่ายภาพจริงๆ ค่ะ ภาพที่ถ่ายทอดออกมาดูสวย มีความโรแมนติกแฝงอยู่ในภาพทุกใบ
ตอนที่ไป ไปด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า แต่ตอนกลับได้แง่คิดและความสงบกลับมาค่ะ ตอนไปวัดนี้รู้ว่าต้องขึ้นเขา แต่ด้วยร่างกายไม่ไหว เพราะไม่มีเวลาออกกำลังกาย เลยขี่ม้าครึ่งทาง สำหรับคนที่ยังลังเลว่า จะเดินไหวไหม อยากจะบอกว่ามีคุณน้าอายุ 60 กว่าเดินขึ้นวัดทักซังได้ไม่มีบ่นเลยด้วยนะคะ ตลอดทางที่ขึ้นไปวัดทักซัง ความคิดก็เริ่มตกผลึกทีละน้อย การเดินทางครั้งนี้ให้อะไรกับเราได้หลายอย่าง ให้ความอดทนอดกลั้น ความเพียรพยายาม ถ้าใจเราสู้ ไม่ว่าอุปสรรคมากมายแค่ไหน เราก็ถึงเส้นชัย อย่าไปมองเส้นทางที่เราเดินผ่านมา แต่ให้มองเส้นทางที่กำลังเดินไปข้างหน้า พยายามมองไปถึงเส้นชัย และอย่าหมดกำลังใจที่จะสู้ค่ะ เพราะผลลัพธ์ที่ได้คือความสำเร็จและความสุขในหัวใจ อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกับประสบการณ์แบบนี้จริงๆ ค่ะ เพราะเมื่อคุณกลับมาทำงาน มันจะทำให้คุณมีความอดทนมากขึ้น เพราะคุณได้ผ่านความลำบากมาแล้วนั่นเอง ลองมาเที่ยวภูฏานกันนะคะ โดยเฉพาะวัดทักซัง เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราเคยเกือบขึ้นไปไม่ถึง แต่สุดท้ายก็สำเร็จ
วัดโปหลิน (Polin Monastery) ฮ่องกง ประเทศจีน
พระใหญ่ หรือพระพุทธรูปเทียนถาน (Big Buddha หรือ Tian Tan Buddha Statue) เป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆ ของฮ่องกง อยู่คู่กับวัดที่เก่าแก่ที่สุดอีกหนึ่งวัด คือวัดโปหลิน ตั้งอยู่ที่เกาะลันตา จะขึ้นมานมัสการองค์พระได้ ต้องขึ้นบันไดทั้งหมด 268 ขั้น แต่ด้วยแรงศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระพุทธรูปเทียนถาน ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางมาสักการะมากมายค่ะ
จุดเด่นที่นี่คือ พระใหญ่ที่มีความสูงถึง 34 เมตร สร้างจากทองสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพระหัตถ์ด้านขวายกขึ้นความหมายคือขจัดปัดเป่าความทุกข์ พระหัตถ์ด้านซ้ายวางที่หน้าตักเพื่อรับคำขอพรจากผู้ที่มีกราบไหว้ รอบข้างองค์พระมีเทวดา 6 องค์ กำลังถวายสิ่งของมีความหมายถึง ความดี เมตตา อดทน สงบ สมาธิ และปัญญา
หนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางมาสักการะพระใหญ่ที่วัดโปหลินคือ การนั่งกระเช้าไฟฟ้า Ngong Ping 360 ค่ะ มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบธรรมดา และแบบคริสตัล หากมีโอกาสอยากแนะนำให้ลองนั่งกระเช้าแบบคริสตัล เพราะพื้นจะใสแจ๋ว สามารถเห็นทัศนียภาพแบบรอบทิศทางเลย แค่กระเช้าเคลื่อนตัวออกมาจากสถานีไม่นานเราก็สามารถเห็นองค์พระใหญ่ได้แล้ว ซึ่งคิวต่อแถวซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าจะค่อนข้างยาวแนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าจะดีกว่า และเมื่อลงจากกระเช้า เราต้องเดินผ่านหมู่บ้านนองปิง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีน ระหว่างทางเดินก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หอพุทธประวัติ โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก สามารถเดินเล่นชมบรรยากาศก่อนขึ้นไปไหว้พระใหญ่ได้ค่ะ
วัดต้าฝอซื่อ เมืองจงเตี้ยน ประเทศจีน
วัดต้าฝอซื่อ เป็นวัดธิเบตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับเมืองจงเตี้ยนหรือแชงกรีล่า เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญต่อชาวเมืองอย่างมาก วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ต้องเดินขึ้นบันไดหลายขั้นเพื่อไปถึงตัววิหาร คนที่นี่จะเคารพบูชา พระจงคาปา รูปทรงเหมือนพระพุทธรูปแบบทิเบต
สถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้มีความสวยงามตามแบบทิเบต ที่มีสีสันสดใส สวยงาม ภายในโบสถ์มีพระพุทธขนาดใหญ่รูปทรงปรางค์ทิเบตสวยงามมาก ไฮไลท์ของที่นี่คือกงล้อสีทองขนาดยักษ์ หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า “กงล้อมนตรา” ต้องใช้แรงคนมากกว่า 20 คน ในการหมุนในแต่ละครั้ง คนที่นี่เชื่อว่าการหมุนกงล้อที่นี่ครบ 1 รอบสามารถอธิฐานขอพรได้ เหมือนกับว่าเราได้สวดมนต์สร้างกุศลไปในตัว นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจึงนิยมมาที่นี่เพื่อหมุนกงล้อและขอพรศักดิ์สิทธ์ให้สมปรารถนา
หากมีโอกาส อยากให้ลงมาวัดแห่งนี้กันครับ นอกจากตัววัดมีความสวยงามแล้ว บรรยากาศโดยรอบก็สวยงามไม่แพ้กัน เบื้องล่างของวัดเป็นหมู่บ้าน ด้วยความที่วัดตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถเห็นวิวเมืองแห่งนี้ได้ด้วย และตัวของกงล้อมนตราก็มีความสวยงามยิ่งใหญ่จริงๆ ควรค่าแก่การมาสักการะและท่องเที่ยวครับ
วัดเทียนเหมินซาน (Tian Men Shan Temple) เมืองจางเจี๋ยเจี้ย ประเทศจีน
วัดนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเทียนเหมินซานในอุทยานจางเจียเจี้ย มีประวัติเก่าแก่มาตั้งแต่ราชวงศ์ถัง เดิมชื่อว่า หลิงเฉาหยวน ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดเทียนเหมินซาน บริเวณของวัดมีพื้นที่กว้างขวางประมาณ 2.4 หมื่นตารางเมตร พื้นที่ก่อสร้างอาคารประมาณ 7,010 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นหมู่ก่อสร้างทางพุทธศาสนาที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลที่สูงที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวที่มาเยือนอุทยานจางเจียเจี้ยทุกคนต้องมาสักการะที่วัดนี้ เพราะถือเป็นการสร้างสิริมงคลให้กับการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนั้น
วัดนี้สร้างตามสถาปัตยกรรมจีน มีการเรียงลำดับอาคารเป็นชั้นๆซ้อนกัน แต่ละชั้นก็จะยิ่งใหญ่และงดงามขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ผู้เข้าชมชื่นชมรายละเอียดต่างๆได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ภายในแต่ละอาคารมีการจัดวางรูปปั้นพระพุทธรูป และเทพเจ้าต่างๆ ด้วยศิลปะจีนที่ทั้งอ่อนช้อยและสีสันสดใสหลากหลาย ไฮไลท์ของวัดนี้ ที่นักท่องเที่ยวไทยหลายๆคนพลาดชมไปคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหินขาวองค์มหึมาสูงเท่าตึกสามชั้น ซึ่งตั้งอยู่อาคารด้านในสุดของวัด
การท่องเที่ยวคือการค้นหา อยากให้ท่านที่ไปสัมผัสวัดนี้ได้ลองเดินสำรวจวัดเพื่อมองหามุมมองใหม่ๆ สวยๆ โดยเฉพาะอย่าพลาดที่จะเข้าไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการท่องเที่ยวของท่านค่ะ
วัดโชกเยซา (Jogyesa Temple) กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
วัดเก่าแก่แห่งสำคัญที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงโซล เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเซนในประเทศเกาหลี ในขณะที่กรุงโซลเจริญขึ้นทุกวัน แต่เรายังสามารถเยี่ยมชมวัดพุทธอันเก่าแก่ได้ในใจกลางเมือง แสดงให้เห็นถึงความผสานกลมกลืนที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ระหว่างความโบราณและความสมัยใหม่
จุดเด่นความสวยงามอยู่ที่อาคารประดิษฐานพระพุทธเจ้า พระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์ ที่ชื่อว่า แดองจอน (Daeungjeon) ซึ่งมีมีอายุราว 80 ปี ภายในมีพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าในกาล อดีต ปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปที่ทำจากไม้ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าโชซอนอีกด้วย นับว่ามีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก ด้านนอกตัวอาคารมีต้น Locust Tree ขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 26 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ และมีความเก่าแก่พอๆ กับวัด อีกจุดเด่นสำคัญของที่นี่ คือ เทศกาลโคมดอกบัว ในวันวิสาขบูชาของเกาหลี จะมีการแห่ขบวนพาเหรดโคมดอกบัวทุกปีที่ใจกลางเมือง และจะประดับประดาโคมดอกบัวไปทั่วบริเวณวัด เพื่อนึกถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้า รวมถึงมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาในช่วงเทศกาลนี้ด้วย
แม้ว่าวัดแห่งนี้จะเปิดให้ได้เข้าไปสักการะและเยี่ยมชมอยู่ตลอด แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ลองมาที่นี่ในช่วงเทศกาลดังกล่าวดู จะได้พบกับความสวยงาม และความน่าสนใจมากมาย รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ บริเวณถนนจงโน และหน้าวัดโชกเยซา ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาด คือ ขบวนแห่โคมดอกบัวที่ถนนใหญ่ ในช่วงเทศกาลวันวิสาขบูชา ที่จะมีขึ้นราวเดือนพฤษภาคมของทุกปี
วัดคินคาคุจิ (Kinkaku-ji Temple) เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
วัดคินคาคุจิ หรือวัดพลับพลาทอง เดิมสร้างเป็นเรือนพักสำหรับท่านโชกุนในปลายศตวรรษที่ 14 ก่อนเปลี่ยนเป็นวัดเซนที่มีความวิจิตรของสถาปัตยกรรม รวมถึงการจัดสวนแบบญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวชาวไทยคุ้นเคยกับวัดนี้ในการอ้างอิงจากการ์ตูนเรื่อง อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา แต่สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก วัดแห่งนี้ คือ จุดหมายปลายทางที่เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้านวัฒนธรรม
ในวันที่อากาศเป็นใจ ภาพศาลาสีทองอร่ามกลางสระน้ำที่สะท้อนทาบทับกับผิวน้ำ โดยมีทิวเขาเขียวขจีโอบล้อมเป็นฉากหลัง นับเป็นสิ่งสะกดสายตาแก่ผู้มาเยือนทุกคน จนอดไม่ได้ที่จะยืนบันทึกภาพความวิจิตรนั้นไว้ หรือหากใครมาเยือนในฤดูหนาวที่หิมะโปรย สีทองอร่ามจะปกคลุมด้วยสีขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เป็นความสวยงามอีกรูปแบบ นอกจากศาลาทองที่เป็นจุดเด่น เส้นทางเดินภายในวัด ที่ลัดเลาะอ้อมศาลาไปด้านหลัง จะมองเห็นสถาปัตยกรรมของอาคาร การจัดสวนญี่ปุ่น และความร่มรื่นใต้เงาไม้ ให้เราดื่มด่ำไปกับวิถีเซน ผมได้เดินทางไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วง High Season ของเมืองเกียวโต จึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงคลื่นมนุษย์ ทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น ที่ต่างก็อยากชื่นชมอย่างใกล้ชิด วิธีที่จะทำให้เราปรับตัว มองหาความสุขไปกับความงาม ท่ามกลางความวุ่นวายเล็กๆ ของฝูงชนได้ คือ ปล่อยวางตามวิถีแห่งพุทธ มองความงามของศิลปะเบื้องหน้า ไปพร้อมกับการเก็บเกี่ยวมองความสุขของคนรอบข้าง
ขณะเดียวกัน ก็ใช้เวลาอยู่กับวัดให้นานขึ้นอีกนิด อย่าแวะเพียงแค่ถ่ายภาพ - เซลฟี่ แบบผิวเผินแล้วจากไป เพราะบางครั้งคุณอาจมองเห็นความงามภายในวัดที่ซุกซ่อนอยู่ ในมุมที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น
วัดโทไดจินี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1286 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสวนนารา เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา เป็นเหมือนศูนย์กลางของวัดทั้งหมดในประเทศและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้น
จุดเด่นของวัดอยู่ที่ซุ้มประตูนันไดมง (Nandaimon-gate) ที่มีต้นเสารองรับน้ำหนักหลังคาที่เก่าแก่และสวยงามมากถึง 18 ต้น ภายในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโตหรือ ไดบุตสึเดน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึง 15 เมตร ด้านข้างมีรูปแกะสลักเป็นรูปยักษ์เฝ้าประตูทางเข้าวัดอยู่ 2 ตน
นอกจากความสวยงามของสถานที่ของวัดแล้ว ยังสามารถสนุกสนานกับเจ้ากวางน้อย สัตว์เจ้าถิ่นที่กระจายอยู่ทั่วสวนสาธารณะในเมืองนาระได้อีกด้วย
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก http://www.skyscanner.co.th/
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!