ลือกีอัญแย็ยทาจุดเช็คอินแห่งใหม่ในสำนักสงฆ์เมืองช้าง

มีแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของจังหวัดสุรินทร์ สไตล์ท้องทุ่งอยู่ที่สำนักสงฆ์ "บวรพัฒนาราม" บ้านระเภาว์ ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยใช้ชื่อว่า "ลือกีอัญแย็ยทา" แปลว่า "ได้ยินเขาเล่าว่า" ซึ่งเป็นภาษาเขมรท้องถิ่นสุรินทร์ (ลือ แปลว่า ได้ยิน, กี แปลว่า เขา, อัญเเย็ยทา แปลว่า เล่าว่า)

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นทุ่งดอกปอเทืองที่ล้อมรอบด้วยชุมชน ซึ่งทางสำนักสงฆ์และประชาชนในชุมชน พยายามจะผลักดันแหล่งท่องเที่ยวไปในแนวสไตล์ท้องทุ่ง ธรรมชาติบำบัด ธรรมมะจัดสรรค์ ในแบบวิถีชีวิตท้องถิ่นของชาวบ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพาครอบครัวไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ถ่ายรูปเช็คอิน มีทั้งจุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ศาลาพักผ่อน สะพานสำหรับเดินเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ที่ล้อมรอบไปด้วยวิวทุ่งดอกปอเทืองอันเหลืออร่าม

ที่สำคัญมีร้านกาแฟที่ใช้ชื่อว่า "ภันเต" แปลว่า "ผู้เจริญ" โดยนักท่องเที่ยวที่มาสามารถสั่งเครื่องดื่มท่านได้โดยแต่ละเมนูจะไม่ได้กำหนดราคา ซึ่งจะให้นักท่องเที่ยวหยอดเงินลงในตู้บริจาคแทน เท่าไหร่ก็ได้ ตามกำลังศรัทธา

นางรัชนี นพพิบูลย์ อายุ 49 ปี ครูโรงเรียนท่าสว่างวิทยา นักท่องเที่ยว เล่าว่า

ตนเห็นการโปรโมท์ของที่นี่จากทางโซเซียล และเด็กๆ นักเรียนเล่าให้ฟังก็เลยได้เข้ามาชม ตนรู้สึกชอบมากๆ เป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมพื้นบ้าน กับยุคปัจจุบัน ตนคิดว่าเหมาะกับคนรุ่นใหม่มากๆ บรรยากาศดีสวยงามร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจโดยเฉพาะหลังเลิกงาน และที่ชอบมากๆ คือร้านกาแฟภันเต ซึ่งเราสามารถเลือกท่านได้โดยไม่มีการเก็บเงิน แต่ให้หยอดเงินลงในตู้บริจาคแทน เท่าไหร่ก็ได้ ตามกำลังศรัทธา ซึ่งเป็นความคิดที่แปลกใหม่มากๆ

พระมหาธีรพร ธีรวโร เจ้าคณะตำบลหนองใหญ่ อ.ปราสาท ประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์บ้านระเภาว์ เล่าว่า พื้นที่ของสำนักสงฆ์แห่งนี้มีทั้งหมด 19 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของพระครูบวรวิไชยา อดีตเจ้าอาวาสวัดพรมสุรินทร์ ซึ่งท่านได้มรณภาพไปแล้ว หลังจากนั้นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเห็นว่า หลังจากฤดูกาลทำนา พื้นที่ตรงนี้ควรสร้างประโยชน์ให้มากขึ้น อาตมาจึงได้สนองงานของหลวงพ่อ และได้มาจำพรรษาประจำอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งจุดถ่ายรูป จุดเช็คอินนั้นเป็นแนวคิดใหม่ของอาตมาเอง ถ้าปล่อยไว้แบบเดิมๆ ยังไงวัดก็คือวัด จึงคิดว่าจะทำยังไงให้มีมิติใหม่

ปกติคนเราเข้าวัดก็จะเห็น เจดี โบสถ์ ซุ้มประตูวัด แต่มาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ จะเห็นสวนหย่อม เห็นที่พักผ่อน นั้นคือสิ่งที่อาตมาตั้งใจ หลังจากนี้อาตมาก็จะยังพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ให้ดีขึ้นอีก และจะทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคมให้มากที่สุด

ส่วนเรื่องชื่อร้านกาแฟ ภันเต นั้น อาตมามีความคิดในทางศาสนาว่า คนขอท่านเรียกเราว่าภันเต ซึ่งคำว่า ภันเต นั้นก็แปลว่า ผู้เจริญ สาเหตุที่เปิดเป็นร้านกาแฟนั้น เพราะเห็นนักท่องเที่ยวที่มานั้นจะได้มีน้ำดื่มกัน โดยที่ไม่มีราคา แต่ให้อยู่กับศรัทธาของคนที่มาแทน ว่าจะหย่อนเงินในตู้บริจาคเท่าไหร่ ชาวบ้านบางคนหวังดีเกรงว่าทางวัดจะขาดทุน

"อาตมาไม่ได้มองเชิงธุรกิจ แต่อาตมามองในเรื่องบุญมากกว่า ถ้ามองในทางกลับกัน เวลาพระไปบ้านโยม โยมก็นำน้ำน้ำอาหารมาถวาย นี้ก็เช่นกัน เวลาญาติโยมมาที่วัด ทางวัดไม่มีอะไรตอนรับ จึงทำเป็นร้านกาแฟ ภันเต นี้ขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างอาตมาทำขึ้นมาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ" พระมหาธีรพร กล่าว